สถานะทางสังคม

พระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตทรงสวมเครื่องประดับที่มีความวิจิตรพิสดารและมีความหมายเชิงสัญลักษณ์สูงสุดเครื่องประดับที่ใช้มักเป็น “เครื่องราชกกุธภัณฑ์” เช่น พระมหาพิชัยมงกุฎ สังวาล ทับทรวง ธำมรงค์ และพระแสงขรรค์ชัยศรี ทุกชิ้นล้วนเป็นทองคำบริสุทธิ์ ฝังเพชร ทับทิม และไพลินระดับสูงสุด เพื่อแสดงพระเกียรติยศ ความเป็นสมมติเทพ และความสูงส่งเหนือปุถุชน เครื่องประดับของพระมหากษัตริย์ไม่ได้มีไว้เพื่อความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องหมายของพระราชอำนาจ และพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมักใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก หรือพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สีของอัญมณีและลวดลายมีความหมายลึกซึ้ง เช่น ไพลินสื่อถึงความมั่นคง ทับทิมสื่อถึงพลังอำนาจ เครื่องประดับเหล่านี้จะถูกเก็บรักษาอย่างเป็นทางการในหอพระมหามณเฑียรและไม่ใช้ในชีวิตประจำวัน

พระบรมวงศานุวงศ์
พระบรมวงศานุวงศ์ ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้า พระองค์เจ้า และหม่อมเจ้า เครื่องประดับที่ใช้มีความวิจิตรงดงามรองลงมาจากพระมหากษัตริย์ โดยนิยมสวมศิราภรณ์ กรองศอ ทองกร ทับทรวง และสังวาล ซึ่งประดับด้วยอัญมณีแท้ เช่น ไพลิน มรกต ทับทิม และเพชร การเลือกใช้เครื่องประดับมีแบบแผนตามพระยศ เช่น เจ้าฟ้าหญิงจะใช้เครื่องประดับที่มีขนาดใหญ่กว่าองค์หญิงชั้นรอง ลวดลายประจำยาม กระหนก และดอกไม้ เช่น ลายบัวหรือลำดวน เป็นที่นิยม เนื่องจากสื่อถึงความงามและคุณธรรม เครื่องประดับของพระบรมวงศ์ยังมีบทบาทในพิธีสำคัญ เช่น งานพระราชทานน้ำสรง งานพระเมรุ หรือพิธีบวงสรวง เครื่องประดับเหล่านี้ยังบ่งบอกบทบาททางการเมือง สถานะ และพระเกียรติคุณ ปัจจุบันพระบรมวงศ์ยังคงใช้เครื่องประดับเหล่านี้ในการออกงานราชการและพระราชพิธีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ขุนนางและเจ้าขุนมูลนาย
ขุนนาง ข้าราชการ และเจ้าขุนมูลนายในอดีตมีสิทธิ์สวมเครื่องประดับอัตลักษณ์ตามฐานันดรศักดิ์ เครื่องประดับมักทำจากทองคำ เงิน หรือทองคำผสม ขึ้นอยู่กับยศและตำแหน่ง ลักษณะเด่นคือการสวมสร้อยคอแบบกรองศอ สังวาลขนาดย่อม ทองกร และธำมรงค์ อัญมณีที่ใช้มักมีคุณภาพรองจากพระบรมวงศ์ เช่น โกเมน เพทาย บุษราคัม โดยมีลวดลายที่สะท้อนคติธรรม ความจงรักภักดี และคุณธรรม เครื่องประดับยังทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีต่อราชสำนัก และใช้ในโอกาสที่ต้องแสดงตัวตน เช่น การเข้าเฝ้า หรือร่วมพิธีทางศาสนา เจ้าขุนมูลนายหญิงจะนิยมเครื่องประดับลายดอกไม้และบัวที่สื่อถึงความอ่อนโยนและกุลสตรีไทย เครื่องประดับของขุนนางจึงเป็นทั้งเครื่องแสดงฐานะ และเครื่องย้ำบทบาททางสังคมในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์

สามัญชน
เครื่องประดับของสามัญชนในสมัยโบราณมีความหลากหลายตามฐานะทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยทั่วไปจะทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ทองเหลือง เงิน นาค หรือเปลือกหอย แก้ว และหินสี เครื่องประดับของหญิงสามัญมักประกอบด้วยสร้อยลูกประคำ ทองกรเงิน ธำมรงค์หินสี และตุ้มหูเงิน ส่วนชายจะสวมแหวนหรือเข็มขัดหัวเงินในโอกาสพิเศษ ความเชื่อที่ฝังแน่นในสังคมทำให้สามัญชนนิยมสวมเครื่องประดับเพื่อเสริมสิริมงคล เช่น การฝังไข่ปลาหรือลวดลายตาข่ายเพื่อป้องกันภัย หรือการลงยันต์บนสร้อยเพื่อกันผีร้าย ลวดลายที่ใช้จะเน้นความเรียบง่าย เช่น ลายใบเทศ ลายดอกไม้ ลายเส้นขนาบ เครื่องประดับของสามัญชนยังเป็นเครื่องบ่งบอกวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เครื่องเงินเมืองเหนือ หรือเครื่องถมของภาคใต้ ปัจจุบันเครื่องประดับพื้นบ้านเหล่านี้ได้รับความนิยมในฐานะงานหัตถศิลป์ที่ทรงคุณค่า

อ้างอิง
เกษรา ปัทมสูต. (2560). อัญมณีไทยในศิลปวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์อักษรพิพัฒน์.
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. (2562). ศิลปะเครื่องประดับไทยโบราณ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม.
สุคนธ์ ศรีอรุณ. (2563). เทคนิคการทำเครื่องประดับไทยโบราณ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประเสริฐ ทองเจือ. (2561). เทคนิคศิลป์ไทยในเครื่องประดับโบราณ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม.